แจ้งโอนเงิน วิธีสั่งซื้อ
ตรวจสอบราคา How to buy สามารถสั่งซื้อได้ทุกวัน ตลอด 24 ชม.

iPhone 11 Pro กับกล้องทั้ง 4 ตัว พร้อมคุณสมบัติเฉพาะที่ดีเยี่ยมไม่เหมือนใคร! 

อย่างที่รู้กันว่า iPhone 11 มีกล้องสุดเจ๋งถึง 4 ตัว แบ่งเป็นด้านหลัง 3 ตัว และด้านหน้า 1 ตัว ซึ่งแต่ละตัวก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เหมาะกับการถ่ายรูปที่ไม่เหมือนกันด้วย ส่วนกล้องตัวไหนเหมากับการถ่ายรูปในสถานการณ์ต่างกันอย่างไร ต้องไปดูเลย! 

กล้องหลัง 3 ตัวและการจัดเรียง 

iPhone 11 Pro มีกล้องหลัง 3 ตัว ซึ่งประกอบไปด้วย กล้องเลนส์ไวด์ เลนส์อัลตราไวด์ เลนส์ซูม รวมถึงไมโครโฟน และแฟลชแบบทรูโทน เรียงกันอยู่ในกรอบสีเหลี่ยมจัตุรัสนูนขึ้นเล็กน้อย 

กล้อง 3 ตัวนี้จัดเรียงอย่างลงตัวเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้ดี เพราะกล้องแต่ละตัวมีเซนเซอร์ที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น Apple ต้องทำให้แน่นใจว่าทั้งค่าสมดุลของแสงสีขาวและค่าความสว่างจะทำงานร่วมกันได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ 

จริงอยู่ที่เราแยกความแตกต่างของกล้องทั้ง 3 ตัวด้วยตาเปล่าไม่ออก แต่ Apple ก็ได้ทำโฆษณาที่ถ่ายด้วย iPhone 11 ทั้งถ่ายเป็นวิดีโอและภาพนิ่ง เพื่อให้ลูกค้าอย่างพวกเราได้เห็นความแตกต่าง 

กล้องเลนส์ไวด์ (wide) ความละเอียด 12 เมกะพิเซล 

กล้องเลนส์ไวด์คือกล้องหลัก เป็นเลนส์มุมกว้างขนาด 26 mm พร้อมรูปรับแสง 1.8f เช่นเดียวกับ iPhone รุ่นก่อน เพียงแต่ให้ความละเอียดสูงขึ้นถึง 12 ล้านพิกเซล โฟกัสและถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีกว่า   

กล้องเลนส์อัลตราไวด์ (ultra wide) ความละเอียด 12 เมกะพิเซล 

iPhone 11 Pro พิเศษกว่า iPhone 11 รุ่นปกติตรงที่มีกล้องเพิ่มมาอีกคือ กล้องเลนส์อัลตราไวด์ ความละเอียด 12 ล้านพิเซก พร้อมรูรับแสง 2.4f ที่สามารถรับภาพได้กว้างถึง 120 องศา ถือเป็นกล้องเลนส์อัลตราไวด์ครั้งแรกของ iPhone เลยทีเดียว 

การมีทางยาวโฟกัสที่กว้างกว่าเดิมช่วยให้ช่างภาพและช่างวิดีโอสามารถสร้างสรรค์การถ่ายภาพและวิดีโอได้หลากหลายกว่าเดิม  

แต่เลนส์แบบอัลตราไวด์นี้ก็มีข้อเสีย คือไม่เหมากับการถ่ายภาพในที่แสงน้อย ถ่ายภาพที่ผู้ถ่ายไม่อยู่นิ่ง เช่น ต้องวิ่งตามวัตถุต่าง ๆ เพราะเลนส์นี้รับแสงผ่านรูรับแสงได้ช้าละไม่มีระบบกันสั่น เลนส์ชนิดนี้เหมาะกับการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ (landscape) เสียมากกว่า  

กล้องเลนส์ซูม (telephoto) ความละเอียด 12 เมกะพิเซล 

iPhone 11 Pro มีกล้องเลนส์ซูมที่ทำงานได้รวดเร็วกว่ารุ่นก่อน ๆ เพราะ iPhone XS ใช้เลนส์ซูมที่มีรูรับแสง 2.4f ขณะที่เลนส์ iPhone 11 Pro ใช้รูรับแสง 2f ซึ่งรับแสงได้เร็วและกว้างกว่าถึง 40% เลนส์ตัวนี้ทำให้ฉากหลังเบลอได้ดีมากเมื่อเราถ่ายภาพวัตถุใกล้ ๆ และยังถ่ายภาพได้ดีในที่ที่มีแสงสว่างน้อยด้วย 

กล้องเลนส์ ทรูเดป (TrueDepth) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล 

การเปลี่ยนครั้งใหญ่ของ iPhone ในปีนี้อาจเป็นการเปลี่ยนกล้องหน้าของ iPhone 11 Pro ให้เป็นกล้องเลนส์ TrueDepth ก็เป็นได้ 

กล้องเลนส์ TrueDepth มีรูรับแสง 2.2f เท่ากับรุ่นก่อน แต่เพิ่มความละเอียดจาก 7 ล้านเมกะพิกเซล เป็น 12 ล้านเมกะพิกเซล จึงถ่ายภาพและวิดีโอได้ละเอียดกว่าเดิม  

นอกจากนี้กล้องเลนส์ TrueDepth ของ iPhone 11 Pro ยังมีทางยาวโฟกัสกว้างถึง 35 mm ส่วน iPhone XS มีทางยาวโฟกัสเพียง 32 mm เท่านั้น  

กล้องนี้ยังใช้การซูมแบบดิจิทัลอัตโนมัติเมื่อถ่ายภาพเซลฟี่ในโหมดพอร์ตเทรต (portrait)  และจะกลับมาใช้ทางยาวโฟกัสแบบปกติเมื่อถ่ายภาพในโหมดทิวทัศน์ (landscape) ซึ่งโหมดนี้เรียกว่าซูมอัตโนมัติ (auto zoom) ใช้สำหรับถ่ายกลุ่มคนจำนวนมาก แน่นอนว่าผู้ใช้สามารถเลือกปรับซูมได้เองโดยเลือกกดปุ่มซูมที่หน้าเซลฟี่ 

หลังจากทราบคุณสมบัติกล้องแต่ละตัวไปแล้ว ก็ต้องไปดูกันว่า iPhone 11 Pro จะถ่ายรูปออกมาสวยและสมจริงแค่ไหน และมีเทคโนโลยีใหม่สุดเจ๋งขนาดไหน  ตามไปอ่านได้ที่บทความเหล่านี้ 

ที่มา 9to5mac.com