แจ้งโอนเงิน วิธีสั่งซื้อ
ตรวจสอบราคา How to buy สามารถสั่งซื้อได้ทุกวัน ตลอด 24 ชม.

Apple iOS 13 เปิดตัวพร้อม Dark Mode การจัดการภาพและวิดีโอที่ดีขึ้น และความปลอดภัยขั้นสูงสุด

เปิดตัวไปสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อคืนนี้กับ Apple iOS 13 ที่มาพร้อมฟีเจอร์เด็ดมากกกกกกก จนอยากอัพเดต iOS ตอนนี้เลยทีเดียว งั้นอย่าช้า ไปดูเลยดีกว่าว่ามีอะไรใหม่บ้าง! 

ประสิทธิภาพ 

  • ขนาดแอพเล็กลงถึง 60% ทำให้โหลดไวขึ้น 50%  
  • เปิดแอพต่าง ๆ เร็วขึ้น 2 เท่า  
  • ใช้ Face ID ไวกว่าที่เคยถึง 30%    

Dark Mode 

Dark Mode มาตามคาด หลายคนคงชอบใจเป็นพิเศษ เพราะฟีเจอร์นี้จะเปลี่ยนพื้นหลังสีขาวที่หน้าจอแสดงผลให้กลายเป็นสีดำทั้งหมด ช่วยถนอมสายตา ประหยัดงานได้มากขึ้น และที่สำคัญคือเท่มาก   

นอกจากนี้ Dark Mode จะเปิดใช้งานอัตโนมัติเมื่อพระอาทิตย์ตก และกลับเข้าสู่โหมดปกติเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น 

 Swiping Keyboard 

คีย์บอร์ดแบบพิมพ์ลากได้ ไม่ต้องยกนิ้วขึ้นเพื่อพิมพ์ตัวอักษรอื่น ๆ หรือที่เราคุ้นกันในชื่อ Swiftkey Keyboard 

Reminders  

  • ปรับให้ดูใช้งานง่ายขึ้น แยกหมวดหมู่ชัดเจน เข้าใจง่ายกว่าเดิม โดยการใช้สีและจุดกลมเข้ามาช่วย ดูโล่งสบายตาและง่ายต่อการเข้าใจ เน้นการ Organize, Track และ Tag People 
  • เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ 3 ตัวเข้าไปคือ Today, Scheduled และ Flagged  
  • ลากข้อความจาก iMessage ไปยัง Reminders ได้เลย  
  • ทำงานร่วมกับ Siri  ช่วยแจ้งเตือนเราอยู่เสมอ   

Photos 

  • จัดระเบียบรูปภาพให้ดูง่ายมากขึ้น ภาพที่ซ้ำกัน คล้ายกันมาก ๆ ก็จะถูกซ่อนเอาไว้และเลือกแสดงเพียงบางภาพเท่านั้น ดูไม่รกตา  
  • เลือกแสดงแบบ วัน เดือน ปี หรือภาพทั้งหมด 
  • พิเศษ เลือกแสดงช่วงเวลาโปรดแสนพิเศษของคุณได้  เช่น เลือกแสดงอัลบั้ม “วันเกิดของคุณ” ในทุก ๆ ปีได้  
  • วิดีโอแสดงผลแบบเล่นอัตโนมัติ เพื่อความมีชีวิตชีวาของ Photos  
  • ปรับวิดีโอผ่าน Photos ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการหมุน ครอป หรือใส่ฟิลเตอร์ต่าง ๆ  
  • มีโหมด Portrait Lighting ใน Camera สามารถปรับแสงที่เข้ามายังตัวแบบได้ระหว่างถ่ายรูปได้ประหนึ่งเหมือนอยู่ในสตูดิโอถ่ายภาพ 

Apple Maps 

Apple รื้อ Maps แล้วสร้างใหม่หมดตั้งแต่ต้น เพิ่มความละเอียดด้านข้อมูล ทั้งถนนและรายละเอียดของสถานที่และร้านค้าต่าง ๆ รวมไปถึงเพิ่มภาพสเหมือนจริง (ถ้านึกไม่ออก ลองถึงภาพของ Google Street View นะคะ) ใช้รถติดกล้องเพื่อเก็บข้อมูล วางแผนไว้ว่าจะครอบคลุมทั้ง USA ภายในสิ้นปี 2019 และขยายไปยังต่างประเทศในปี 2020  

ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย 

Apple เน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเป็นอันดับต้น ๆ มาตลอด และครั้งนี้ก็เช่นกัน   

  • Location หรือตำแหน่งที่ตั้งของคุณ Apple จะปิดการเข้าถึงตำแหน่งของคุณเอาไว้เป็นความลับ หากแอพนั้นจำเป็นต้องใช้ตำแหน่ง ก็ต้องขออนุญาตคุณเป็นรายครั้งไป  
  • Sign in with Apple เมื่อต้องเข้าใช้งานเว็บไซต์หรือแอพต่าง ๆ ที่ขอให้คุณให้ต้อง sign in แต่คุณไม่อยากเปิดเผยอีเมล สามารถเลือกใช้ “Sign in with Apple” ได้  Apple จะสร้างอีเมล (หลอก ๆ แต่ใช้งานได้จริง) ให้คุณเข้าเว็บไซต์เหล่านั้น แน่นอนว่าอีเมลและข้อมูลจริงของคุณจะถูกเก็บเป็นความลับอย่างปลอดภัย 
  • HomeKit Secure Video ความปลอดภัยของภาพวิดีโอของกล้องวงจรปิดที่บ้านคุณ Apple จะส่งภาพเหล่านั้นขึ้น iCloud แบบเข้ารหัส ซึ่งคุณจะเปิดดูได้คนเดียวผ่านอุปกรณ์ของคุณเท่านั้น (ประเทศไทยอาจต้องรอนานสักหน่อย) 

Animoji ปรับแต่งได้ 

 Animoji ที่ปรับเปลี่ยนให้เป็นคุณได้มากสุด ๆ เลือกได้ตั้งแต่การแต่งหน้า อายแชโดว์ ลิปสติก สีผม ทรงผม หมวก รวมไปถึงใส่ AirPods ก็ได้อีก สร้างเสร็จแล้วก็ยังเลือกใช้เป็นภาพโปรไฟล์ของ iMessage ได้เลย 

ที่น่าสนุกกว่านั้นคือ เรายังนำเอาเจ้า Animoji ไปสร้างเป็นสติกเกอร์ท่าทางกวน ๆ ไว้คุยกับเพื่อนผ่าน iMessage ได้อีกด้วย


ฟีเจอร์เพิ่มเติม 

  • หากเราใช้ AirPods อยู่ Siri จะอ่านข้อความที่เข้ามาให้ฟังทันที และเราก็ตอบกลับได้ทันทีเช่นกัน 
  • CarPlay ใช้ฟังเพลงพร้อมดูแผนที่ไปด้วยได้แล้ว หน้าจอจะถูกแบ่งให้อย่างสวยงาม 
  • แชร์เพลงจาก iPhone ไปยัง AirPods ของเพื่อนได้ 
  • HomePod รับช่วงเล่นเพลงต่อจาก iPhone ของเราได้ทันทีเมื่อเข้าบ้าน และในทางกลับกัน เมื่อออกนอกบ้าน iPhone ก็จะรับช่วงเปิดเพลงต่อจาก HomePod ได้เลยเช่นกัน  
  • Siri เปิดวิทยุจาก iHeart Radio ให้เราได้แล้ว 
  • Siri พูดด้วยเสียงและจังหวะที่เหมือนคนจริง ๆ มากขึ้น

iPhone รุ่นที่ได้ไปต่อ 

  • iPhone XS Max 
  • iPhone XS 
  • iPhone XR 
  • iPhone X 
  • iPhone 8 Plus 
  • iPhone 8 
  • iPhone 7 Plus 
  • iPhone 7 
  • iPhone 6s Plus 
  • iPhone 6s 
  • iPhone SE 
  • iPod touch (7th generation) 

ที่มา apple.com theverge.com