แจ้งโอนเงิน วิธีสั่งซื้อ
ตรวจสอบราคา How to buy สามารถสั่งซื้อได้ทุกวัน ตลอด 24 ชม.

iOS 17 กับฟีเจอร์ Accessibility 5 อย่าง ช่วยให้ผู้มีข้อจำกัดใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น

อัปเดตใหม่! iOS 17 เพิ่มฟีเจอร์ Accessibility หรือ ‘การช่วยเหลือการเข้าถึง’ เข้ามาถึง 5 อย่าง ซึ่งจะช่วยให้ผู้มีข้อกำจัดต่าง ๆ ใช้ iPhone เป็นตัวช่วยในการใช้ชีวิตประจำวันให้ง่ายกว่าเดิม 

ฟีเจอร์ Accessibility คือฟีเจอร์การช่วยเหลือการเข้าถึง ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีข้อกำจัดหรือมีปัญหาทางร่างกาย เช่น มีข้อกำจัดทางการมองเห็น ได้ยิน เคลื่อนไหว หรืออื่น ๆ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ Apple พัฒนาเพิ่มเข้ามาเรื่อย ๆ เพื่อช่วยเหลือให้คนกลุ่มนี้ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นผ่านอุปกรณ์อย่าง iPhone

ให้ iPhone พูดแทนคุณด้วย Live Speech 

หากว่าคุณมีปัญหาเรื่องเสียง เสียงหาย พูดได้ลำบาก คุณสามารถใช้ฟีเจอร์ Live Speech ช่วยจัดการเรื่องนี้ได้ เพียงพิมพ์สิ่งที่คุณต้องการพูดลงบน iPhone จากนั้นมันจะช่วยพูดคำเหล่านั้นให้คนอื่นฟัง

โดยฟีเจอร์นี้จะใช้ Personal Voice เพื่อเลียนเสียงและสร้างเสียงของคุณขึ้นมา คุณต้องอ่านข้อความยาว 15 นาทีเพื่อให้ระบบเรียนรู้ลักษณะเสียง 

วิธีการเปิดใช้งาน Live Speech

  1. เปิดแอป Settings ขึ้นมา
  2. เลื่อนลงมาด้านล่างแล้วกดที่คำว่า Accessibility 
  3. เลื่อนลงไปด้านล่างสุดและกดที่ Live Speech 
  4. เลื่อนปุ่ม Toggle ตรง Live Speech ไปทางขวาเพื่อเปิดใช้งาน 

การใช้ฟีเจอร์ Live Speech ก็เพียงแค่กดที่ปุ่ม Side บน iPhone สามครั้งติดกัน แล้วพิมพ์ข้อความที่คุณต้องการ จากนั้นกดปุ่มส่งที่ด้านล่างสุดของคีย์บอร์ด 

คุณยังสามารถเพิ่ม Favorite Phrases หรือประโยคโปรด เพื่อจะได้ไม่ต้องพิมพ์ประโยคยาวเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตราบใดที่คุณใช้ iPhone 12 หรือรุ่นที่ใหม่กว่านั้น 

Personal Voice ให้ iPhone เลียนเสียงของคุณ

หากคุณต้องการใช้ Live Speech เราขอแนะนำให้คุณใช้ฟีเจอร์ Personal Voice ด้วย เพราะว่าฟีเจอร์นี้จะช่วยเลียนแบบเสียงของคุณ แล้ว Live Speech จะใช้การเลียนแบบนี้เพื่อพูดออกมาเป็นน้ำเสียงของคุณ

วิธีการเปิดใช้งาน Live Speech

  1. เปิดแอป Settings 
  2. เลื่อนลงมาด้านล่างแล้วเข้ายัง Accessibility 
  3. เลื่อนลงมาด้านล่างอีกแล้วกดที่ Personal Voice 
  4. เลือกที่ Create a Personal Voice 
  5. ทำตามขั้นตอนที่ปรากฏบนหน้าจอจนเสร็จเพื่อสร้างเสียงเลียนแบบของคุณ

ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 15 นาที คุณต้องอ่านประโยค 150 ประโยคที่ต่างกัน และ iPhone อาจจะต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองวันเพื่อประมวลเสียงบันทึกของคุณให้กลายเป็น Personal Voice 

ใช้ Point and Speak อ่านคำบรรยายของวัตถุ

Point and Speak คือฟีเจอร์ที่คุณใช้กล้อง iPhone ส่องวัตถุหรือข้อความใด ๆ แล้วให้ iPhone บอกคุณว่าสิ่งนั้นคืออะไร ช่วยให้คุณที่มีปัญหาในการมองเห็นสามารถรับรู้ได้ว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไร 

Apple ได้เพิ่มฟีเจอร์ Detection Mode เข้ามาใน iOS 17 ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยตรวจจับใบหน้าบุคคล ประตู หรือวัตถุต่าง ๆ หากคุณอยากรู้ว่าใบหน้าหรือวัตถุเหล่านั้นคืออะไร   

สิ่งที่ต้องทำก็คือ เปิดกล้อง iPhone ขึ้นมา เล็งไปยังวัตถุที่ต้องการ แล้วชี้ที่วัตถุนั้น ๆ แล้วกล้องก็จะตรวจจับและอ่านหรือบอกว่ามีข้อความอะไรหรือสิ่งนั้นคืออะไรโดยอัตโนมัติ

แต่ว่าฟีเจอร์นี้จะใช้ได้เฉพาะ iPhone ที่มีเซนเซอร์ LiDAR ซึ่งหมายถึงว่าใช้ได้เฉพาะ iPhone รุ่น Pro เท่านั้น

การเปิดใช้ฟีเจอร์ Point and Speak นี้ คุณต้องเปิดแอป Magnifier หรือแว่นขยาย ซึ่งเป็นแอปที่ติดตั้งมาพร้อม iPhone อยู่แล้ว แต่หากว่าเผลอลบไปแล้วก็สามารถดาวน์โหลดกลับมาใหม่ได้ 

หลังจากเปิดแอป Magnifier ขึ้นมาแล้ว ให้กดที่ไอคอน Detection Mode ซึ่งอยู่แถบควบคุมด้านล่าง ๆ แต่หากหาไม่เจอ ให้เปิด Settings ของแอป ขึ้นมา แล้วกด Add Detection Mode เข้ามาในแถบควบคุม จากนั้นกดที่ไอคอน Point and Speak บนหน้าจอ จากนั้นปุ่มรายการเหล่านี้จะปรากฏอยูบนด้านซ้ายของหน้าจอ iPhone เท่านี้ก็เรียบร้อย ใช้ฟีเจอร์ Point and Speak ได้

เปิดปิดการเล่นภาพเคลื่อนไหวอัตโนมัติได้แล้ว

หากคุณไม่ชอบ Animated Images หรือภาพเคลื่อนไหว คุณสามารถตั้งค่าเปิดปิดการเล่นภาพเคลื่อนไหวแบบอัตโนมัติได้แล้ว 

ฟีเจอร์นี้จะใช้ได้กับรูปภาพเคลื่อนไหวบนเว็บไซต์และแอปต่าง ๆ ที่คุณติดตั้งไว้ในเครื่อง ซึ่งวิธีการเปิดปิดทำได้ดังนี้

  1. เปิดแอป Settings 
  2. เลื่อนลงมาด้านล่างแล้วกดที่ Accessibility 
  3. ไปที่ Motion 
  4. เลื่อนปุ่ม Toggle ที่ Auto-Play Animated Images ไปทางซ้ายเพื่อปิดหรือขวาเพื่อเปิด 

หากว่าคุณไม่อยากให้ภาพบน iPhone ของคุณเคลื่อนไหวเลย คุณควรปิด Auto-Play Message Effects ด้วย และให้ดีควรปิด Reduce Motion ด้วย

ฟีเจอร์ Assistive Access ใช้งานได้แล้ว

Apple เพิ่มฟีเจอร์พิเศษเข้ามาใน iOS 17 นั่นคือฟีเจอร์ Assistive Access ฟีเจอร์นี้ออกแบบมาให้มีความเรียบง่ายและใช้งานง่ายสุด ๆ เหมาะสำหรับผู้ใช้ iPhone ที่ไม่เก่งเรื่องเทคโนโลยีมากนัก 

Assistive Access ช่วยให้ผู้ใช้โฟกัสไปที่ฟีเจอร์ที่พื้นฐานที่สุดและมีประโยชน์มากที่สุดของ iPhone พวกเขาจะเข้าถึงการโทร กล้อง รูปถ่าย เพลง และอื่น ๆ ได้ และมันจะเข้าถึงได้แบบตรง ๆ ง่าย ๆ ไม่ต้องกดอะไรซับซ้อนเลย และนี่คือวิธีการเปิดใช้งาน Assistive Access 

  1. เปิดแอป Settings 
  2. เลื่อนลงมาด้านล่างแล้วกดเข้าไปที่ Accessibility
  3. เลื่อนลงมาด้านล่าง ๆ อีกครั้งแล้วเลือกที่ Assistive Access 
  4. กดที่ Set Up Assistive Access
  5. กดที่ Continue แล้วทำตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่ปรากฏบนหน้าจอ 

เมื่อคุณเปิดใช้งานฟีเจอร์ Assistive Access เรียบร้อยแล้ว หน้าจอ iPhone ของคุณจะเปลี่ยนไป ดูเรียบง่าย มีไอคอนแอปขนาดใหญ่จัดเรียงอยู่ไม่กี่แอป และแน่นอนว่าคุณสามารถเลือกแอปที่ต้องการใช้บ่อย ๆ ได้ และยังสามารถปรับแต่งแอปเหล่านั้นให้เหมาะกับการใช้งานของคุณได้อีกด้วย

ที่มา idropnews.com