iPad Pro เปิดตัวใหม่แล้ว! มาพร้อมความ Pro ขั้นสุด หน้าจอ Ultra Retina XDR บางสุด ใช้ชิป M4 สร้างงานได้ง่ายขึ้นด้วย AI ถ้าคุณทำงานด้านครีเอทีฟงานสร้างสรรค์ ต้องจัด!
iPad Pro มีขนาดหน้าจอให้เลือก 2 ขนาด คือ ขนาด 11 นิ้วและ 13 นิ้ว
สิ่งที่โดดเด่นมากที่สุดของ iPad Pro ตัวใหม่ไม่ใช่ขนาด แต่เป็นความบางต่างหาก เพราะ iPad Pro ตัวนี้มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา คือ รุ่น 11 นิ้วบาง 5.3 มม. ส่วนรุ่น 13 นิ้วบางเพียง 5.1 มม. บางมาก!
ส่วนสีของ iPad Pro มีให้เลือก 2 สีคือ ดำสเปซแบล็กและสีเงิน
มาถึงหน้าจอที่คมชัดมาก! iPad Pro เปิดตัวพร้อมหน้าจอ Ultra Retina XDR คือการจอแบบ OLED สองแผงมาซ้อนกัน รวมแสงทั้งสองแผงเข้าด้วยกัน หน้าจอจึงสว่าง 1,000 – 1,600 นิต
iPad Pro หน้าจอภาพ Ultra Retina XDR ที่พลิกวงการด้วยการใช้เทคโนโลยี OLED สองชั้นจึงให้ภาพที่คมชัดมาก ความสว่างขั้นสุด คอนทราสต์ที่แม่นยำ สีสันสดใส
ทั้งยังมีเทคโนโลยีกระจกผิวนาโน (Nano-texture glass) เคลือบให้หน้าจอด้านจะลดแสงสะท้อนได้ดี เหมาะกับมือโปรที่ใช้งานกลางแจ้งหรือที่ที่มีแสงจ้ามาก ๆ เพื่อให้เห็นรายละเอียดของภาพและสีได้สมจริง ตรงสีจริงมากที่สุด
สิ่งที่น่าทึ่งกว่าเดิมก็คือประสิทธิภาพของ iPad Pro ตัวใหม่นี้ เพราะใช้ชิป M4 (ซึ่งรุ่นก่อนหน้าใช้ชิป M2 เท่านั้น)
ตัวอย่างประสิทธิภาพของชิป M4 เช่นใช้แอป Octane แรนเดอร์งานได้เร็วขึ้นสูงสุด 4 เท่า เมื่อเทียบกับชิป M2
ชิป M4 ช่วยให้ AI ของ iPad Pro ทำ Scene Removal Mask ใน Final Cut Pro แยกตัวแบบออกจากฉากหลังในวิดีโอ 4K ได้ง่าย ๆ และรวดเร็วด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว
นอกจากระบบเสียงที่จัดเต็มด้วยไมโครโฟนระดับสตูดิโอ 4 ตัวแล้ว กล้องหลังของ iPad Pro ก็ดีไม่แพ้กัน ด้วยความละเอียด 12MP ถ่ายภาพและวิดีโอด้วยคุณสมบัติ HDR อัจฉริยะ ภาพสวยคม เก็บได้แม้รายละเอียดเล็ก ๆ
iPad Pro ยังมีแฟลช True Tone ที่ปรับตามสภาวะแสง ถ้าคุณถ่ายรูปเอกสารแทนการสแกน แฟลชตัวนี้และ AI ของ iPad Pro จะช่วยให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น ช่วยลบเงาที่เกิดจากตัว iPad บังแสงได้ เพราะ AI จะระบุประเภทเอกสารตั้งแต่ในแอปกล้องอัตโนมัติ หากเจอเงาก็จะถ่ายภาพหลายภาพด้วยแฟลชใหม่ที่ปรับตามสภาวะ แล้วนำมาต่อเข้าด้วยกันเป็นภาพสแกนที่ดีขึ้น คมชัด ไร้เงา และไม่เบี้ยว
iPad Pro ย้ายกล้องหน้าแบบ TrueDepth อยู่ในตำแหน่งแนวนอน เป็นกล้องอัลตร้าไวด์ 12MP พร้อมคุณสมบัติจัดให้อยู่ตรงกลาง (Center Stage) การประชุมแบบวิดีโอในแนวนอนจึงดียิ่งขึ้น
เมื่อชิป M4 และ iPad Pro มารวมกัน การทำงานบนแอปสำหรับครีเอเตอร์จึงเป็นเรื่องง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก เช่น แอป Procreate Dream แอปสร้างอนิเมชัน คุณสามารถสร้างเลเยอร์ได้เป็นร้อย เส้นสียาว ๆ นั่นคือเลเยอร์ซึ่งถูกย่อลงให้เห็นทั้งหมด เยอะเลยใช่มั้ยล่ะ
แอป Final Cut Pro ก็เพิ่มความสามารถใหม่เพื่อรองรับการทำงานร่วมกับ iPad Pro ใหม่ด้วย คือฟีเจอร์ Live Multicam คุณสามารถใช้ iPad Pro ของคุณและอุปกรณ์ของคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น iPad หรือ iPhone ช่วยบันทึกภาพจากมุมมองที่หลากหลายได้
ยิ่งไปกว่านั้นคือ…คุณสามารถเลือกภาพจากมุมต่าง ๆ มาตัดต่อได้ทันทีขณะ Live Multicam อยู่ งานนอกสถานที่จึงทำได้ง่ายขึ้น ด้วยอุปกรณ์ที่เล็กลง และการทำงานซับซ้อนน้อยลงด้วย
Logic Pro สำหรับ iPad ก็อัปเดตเช่นกัน มีฟีเจอร์ Studio Assistant ควบคุมการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างเต็มที่ มีฟีเจอร์ Session Players ฟีเจอร์ ChromaGlow ช่วยเพิ่มความลุ่มลึกให้กับแทร็กได้ในทันที และฟีเจอร์ Stem Splitter แยกการบันทึกเสียงที่มีอยู่ชิ้นเดียวออกเป็นเสียงส่วนต่าง ๆ ได้
iPad Pro มี 2 สีให้เลือกคือ สีดำสเปซแบล็กและสีเงิน ส่วนขนาดหน้าจอมีให้เลือก 2 ขนาดคือ 11 นิ้วและ 13 นิ้ว ราคาขึ้นอยู่กับความจุที่เลือก
iPad Pro ขนาด 11 นิ้ว รุ่น Wi-Fi
- 256GB ราคา 39,900 บาท
- 512GB ราคา 47,900 บาท
- 1TB ราคา 63,900 บาท รุ่นกระจกผิวนาโน ราคา 67,900 บาท
- 2TB ราคา 79,900 บาท รุ่นกระจกผิวนาโน ราคา 83,900 บาท
iPad Pro ขนาด 11 นิ้ว รุ่น Cellular
- 256GB ราคา 47,900 บาท
- 512GB ราคา 55,900 บาท
- 1TB ราคา 71,900 บาท รุ่นกระจกผิวนาโน ราคา 75,900 บาท
- 2TB ราคา 87,900 บาท รุ่นกระจกผิวนาโน ราคา 91,900 บาท
iPad Pro ขนาด 13 นิ้ว หน้าจอ OLED รุ่น Wi-Fi
- 256GB ราคา 52,900 บาท
- 512GB ราคา 60,900 บาท
- 1TB ราคา 76,900 บาท รุ่นกระจกผิวนาโน ราคา 80,900 บาท
- 2TB ราคา 92,900 บาท รุ่นกระจกผิวนาโน ราคา 96,900 บาท
iPad Pro ขนาด 13 นิ้ว หน้าจอ OLED รุ่น Cellular
- 256GB ราคา 60,900 บาท
- 512GB ราคา 68,900 บาท
- 1TB ราคา 84,900 บาท รุ่นกระจกผิวนาโน ราคา 88,900 บาท
- 2TB ราคา 100,900 บาท รุ่นกระจกผิวนาโน ราคา 104,900 บาท
ตอนนี้ Apple ยังไม่ได้เปิดให้สั่งซื้อ แต่ถ้าอยากลองกดดูรายละเอียดราคาหรือรายละเอียดอื่น ๆ สามารถเข้าชมได้ที่ Apple iPad Pro