iPhone 17 มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ ‘Dual Capture Video’ สามารถถ่ายวิดีโอทั้งจากกล้องหน้าและหลังไปพร้อม ๆ กันได้ กับวิธีใช้แสนง่าย และข้อมูลอัปเดตของแอป Final Cut Camera เวอร์ชัน 2.0 ที่สายวิดีโอต้องชอบ!
How to: Dual Capture Video บันทึกวิดีโอกล้องหน้าและหลังพร้อมกัน
ฟีเจอร์ Dual Capture Video นี้จะสร้างหน้าจอแบบ Picture-in-picture ขึ้นมาอีกหน้าจอ เพื่อให้เห็นการบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหน้า ขณะที่บนหน้าจอใหญ่จะแสดงภาพจากกล้องหลัง แน่นอนว่าทั้งสองกล้องจะบันทึกวิดีโอไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งวิธีการใช้งานทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
- เปิดแอป Camera บน iPhone ขึ้นมา
- กดที่ปุ่ม Video
- กดที่ ไอคอนรูปจุดหลาย ๆ อัน ตรงมุมขวาบนของหน้าจอ หรือกดเลือกจากตัวเลือกต่าง ๆ ซึ่งอยู่ด้านล่างหน้าจอ ตัวเลือกนี้จะเลื่อนไปมาซ้ายขวาได้
- เลือกที่ Dual Capture จากเมนูที่ป๊อปอัปขึ้นมาบนหน้าจอ จากนั้นกดที่ช่อง Viewfinder
- กดที่ชัตเตอร์เพื่อเริ่มบันทึกวิดีโอผ่านกล้องหน้าและหลังพร้อม ๆ กัน
เมื่อคุณใช้ฟีเจอร์ Dual Capture Video บนหน้าจอจะปรากฏไอคอนเล็ก ๆ ที่มุมขวาบน แสดงภาพไอคอน Picture-in-picture และตัวเลือกอื่น ๆ เพื่อให้สะดวกต่อการปิดหรือเปิดฟีเจอร์นี้
ขณะบันทึกวิดีโอ ทำอย่างอื่นไปด้วยได้หรือไม่?
เมื่อคุณเริ่มบันทึกวิดีโอแบบ Dual Capture Video คุณยังสามารถปรับการควบคุมต่าง ๆ ได้หลายอย่าง คือ ปรับไปเลือกใช้กล้องหลัก 48MP หรือกล้อง Ultrawide 48MP หรือ Telephoto 48MP ไปมาได้ เพื่อให้มุมมองของภาพที่ต่างกันโดยไม่จำเป็นต้องกดหยุดบันทึกระหว่างทาง
หน้าจอเล็ก ๆ ที่แสดงภาพกล้องหน้าสามารถย้ายไปวางไว้ตรงจุดต่าง ๆ บนหน้าจอ iPhone ได้ตามต้องการ เพียงแค่ลากนิ้วไปยังจุดที่ต้องการ จะได้ไม่บังส่วนสำคัญอื่น ๆ
คุณภาพของไฟล์และข้อความจำกัด
Dual Capture Video จะบันทึกไฟล์ความละเอียดขนาด 1080p หรือ 4K ที่ระดับเฟรมเรต 24 และ 30 fps หากต้องการเผื่อการตัดต่อทีหลัง เลือกใช้ความละเอียดที่ 4K และ 30 fps จะดีที่สุด
ที่มา macrumors.com/
Final Cut Camera 2.0
Apple ได้ปล่อย Final Cut Camera เวอร์ชัน 2 ออกมาแล้ว เพื่อให้สามารถรองรับฟีเจอร์ใหม่ ๆ ของ iPhone 17 และ iPhone Air ได้
Final Cut Camera 2.0 รองรับการบันทึกวิดีโอแบบ ProRes RAW รองรับเจนล็อก (Genlock) ของ iPhone 17 Pro และ Pro Max ซึ่งจะช่วยให้ทำงานบันทึกวิดีโอทำได้อย่างไหลลื่นมากขึ้น และยังมีระบบการปรับแต่ง Center Stage ของกล้องหน้าด้วยมือแบบใหม่ซึ่งจะมีเฉพาะใน iPhone 17, Pro และ iPhone Air
ความสามารถอื่น ๆ ของ Final Cut Camera 2.0
- เปิดตัวเลือก Timecode ได้ง่ายขึ้น รวมถึง Time of Day, Record Run หรือ Timecode ภายนอกสำหรับฟุตเทจแบบเฉพาะเจาะจง
ฟีเจอร์ที่ต้องใช้ iPhone รุ่น Pro
- บันทึกวิดีโอความละเอียดระดับ ProRes RAW ความละเอียดระดับกล้อง Full-frame และ Edit ได้
- บันทึกวิดีโอได้ Dynamic Range สูง และยังให้เก็บรายละเอียดของ Color gamut (ขอบเขตของสี) ได้กว้างกว่าด้วย Applw Log 2 ใน ProRes หรือ HEVC
- เจนล็อก (Genlock) วิดีโอหลาย ๆ ไฟล์แล้วเลือกจัดเรียงเฟรมให้ได้ออกมาดีที่สุด จัดเรียงโดยยึดหลักความสอดคล้องและเข้ากันได้
- เปฃราบยไปใช้กล้องเลนส์ Telephoto ซูม 200 mm (8 เท่า) ได้ระหว่างที่บันทึกวิดีโอได้โดยไม่สะดุด
- ปรับวิดีโอที่บันทึกด้วยกล้องหน้า จากแนวนอนเป็นแนวตั้งหรือแนวตั้งเป็นแนวนอนได้อย่างไหลลื่น ไม่ว่าคุณจะถือ iPhone แบบใดก็ตาม
ที่มา macrumors.com