Apple เปิดตัว iPhone รุ่น Air ที่ไม่มีดีแค่ความบาง แต่ยังอัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพ กล้องจัดเต็มระดับโปร แบตแน่น ทนทาน!
iPhone Air มีจุดเด่นตรงดีไซน์ที่บางและเบาเป็นพิเศษ แต่ยังคงเน้นความทนทาน ประสิทธิภาพของการทำงานด้วยชิปรุ่นใหม่ รวมไปถึงกล้องที่แม้มีกล้องหลักด้านหลังตัวเดียว แต่ก็ทรงพลังสุด ๆ
ตัวเครื่อง iPhone Air ใช้ไทเทเนียมขัดเงาเป็นหลัก ให้ผิวสัมผัสเงางามเหมือนผิวกระจก มาพร้อมตัวเลือกมากถึง 4 สี คือ สีดำสเปซแบล็ก สีขาว สีทอง และสีฟ้าสกายบลู
iPhone Air ถือว่าเป็น iPhone ที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา คือ 5.6 มิลลิเมตร และหนักเพียง 165 กรัมเท่านั้น
ด้านหน้าของ iPhone Air เป็นแบบ Ceramic Shield แกร่งและทนทาน ส่วนกลาสเซรามิกพร้อมเคลือบผิวแบบใหม่ที่ออกแบบโดย Apple ก็เพิ่มการทนทานต่อการขีดข่วนได้มากกว่าเดิมถึง 3 เท่า รวมถึงป้องกันการสะท้อนได้ดีขึ้นด้วย
iPhone Air ถูกออกแบบด้านหลังใหม่ ปรับแต่งส่วนที่ยกสูงนูนขึ้นมาให้พอดีกับตัวกล้อง ลำโพง และขิป Apple Silicon เพื่อให้มีพื้นที่มากขึ้นสำหรับแบตเตอรี่เพื่อให้ใช้งานได้ตลอดทั้งวัน
กล้อง iPhone Air มาพร้อมระบบกล้อง Fusion 48MP ทำงานเหมือนมีกล้องหลายตัวรวมอยู่ในตัวเดียว สามารถถ่ายภาพความละเอียดสูงพิเศษ 48MP เก็บทุกรายละเอียด หรือถ่ายที่ 24MP ได้ตั้งแต่ค่าเริ่มต้น หรือจะใช้เทเลโฟโต้ 2 เท่าที่มีในตัวเพื่อซูมด้วยคุณภาพที่คงความคมชัดเอาไว้
iPhone Air มาพร้อม Camera Control ตัวควบคุมกล้อง ถ่ายภาพ บันทึกวิดีโอ ปรับการตั้งค่า ที่เพียงกดหนึ่งครั้งก็เรียกใช้งานได้ทันที
ยังไม่พอ! iPhone Air ยังมีปุ่ม Action (แอ็กชัน) ทางลัดสู่ฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้เพียงกดค้างไว้ก็เรียกใช้สิ่งที่คุณต้องการได้ทันที เช่น โหมดปิดเสียง แอปแปลภาษา คำสั่งลัด และอื่น ๆ ซึ่งปรับได้ว่าจะให้เป็นฟีเจอร์อะไร
กล้อง iPhone Air มาพร้อมฟีเจอร์เด็ด ๆ อย่างเช่น
- กล้องหน้ามี Center Stage ปรับให้ทุกคนอยู่ตรงกลางในเฟรม ไม่มีใครตกหล่น
- เซนเซอร์ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส เพิ่มทางเลือกในการซูมและหมุน ทำให้จัดเฟรมได้ยืดหยุ่นขึ้นทั้งขณะเซลฟีและถ่ายวิดีโอ
- บันทึกภาพตัวคุณเองและโลกรอบตัวด้วยการถ่ายวิดีโอโดยใช้กล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกัน
- ถ่ายวิดีโอแบบ Dolby Vision ระดับ 4K ที่ 60 fps แม้ในจังหวะแอ็กชัน
iPhone Air มีระบบกล้อง Fusion 48MP ถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้เป็นอย่างดี เพราะเซนเซอร์ที่ใหญ่ขึ้น รูรับแสงที่กว้างขึ้น และระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัลที่ใช้การปรับตำแหน่งเซนเซอร์ซึ่งออกแบบโดย Apple
iPhone Air เก็บบันทึกรายละเอียดได้มากขึ้นด้วย เทเลโฟโต้ 2 เท่า ซึ่งมาพร้อม Photonic Engine ที่ดียิ่งขึ้น เรียนรู้ของระบบเพื่อเก็บบันทึกรายละเอียดและสีสันที่สมจริงยิ่งขึ้น
iPhone Air มีฟีเจอร์ Portait หรือ ‘ภาพถ่ายบุคคล’ ตัวใหม่ล่าสุด ซึ่งระบบควบคุมโฟกัสจะบันทึกข้อมูลความลึกโดยอัตโนมัติ เพื่อให้คุณเปลี่ยนภาพถ่ายทั่วไปเป็นภาพถ่ายบุคคลที่โดดเด่นสวยงามในภายหลังได้
iPhone Air มาพร้อมชิป A19 Pro และ CPU ที่เร็วแรงและ GPU ที่ล้ำหน้า คุณสามารถเล่นเกมระดับ AAA ที่ต้องประมวลผลหนัก ๆ ได้แบบลื่นไหล และยังยกระดับความสามารถของเวิร์กโฟลว์ในชีวิตประจำวันได้อีก เปิดแอปเยอะ ๆ ก็ไม่ค้าง ที่สำคัญคือประหยัดพลังงานมากด้วย นานสูงสุดถึง 27 ชั่วโมง
สรุปคุณสมบัติและความสามารถของ iPhone Air ในรูปเดียว!
ราคาของ iPhone Air จะแตกต่างกันไปตามความจุของตัวเครื่อง ดังนี้
- ความจุ 256GB ราคา 39,900 บาท
- ความจุ 512GB ราคา 47,900 บาท
- ความจุ 1TB ราคา 55,900 บาท
iPhone Air เปิดให้สั่งจองได้ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายนนี้ และวางจำหน่ายวันที่ 19 กันยายนเป็นต้นไป ที่ apple.com