แจ้งโอนเงิน วิธีสั่งซื้อ
ตรวจสอบราคา How to buy สามารถสั่งซื้อได้ทุกวัน ตลอด 24 ชม.

รีวิว Magic Keyboard แบบสั้น จุดเด่น จุดด้อย คุ้มหรือไม่?

Apple ออก Magic Keyboard ตัวใหม่ล่าสุดสำหรับ iPad Pro โดยเฉพาะ ซึ่งราคาก็แรงไม่ใช่เล่น ดังตั้ควรพึ่งพารีวิวสักหน่อยก่อนตัดสินใจซื้อใช่มั้ยคะ และนี่คือรีวิวแบบสั้น ๆ เน้นที่จุดเด่นจุดด้อยที่คุณควรรู้ค่ะ  

Magic Keyboard ตัวใหม่นี้มีให้เลือก 2 รุ่น 2 ราคานะคะ 9,990 บาทสำหรับ iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว และ 11,690 บาทสำหรับ iPad Pro รุ่น 12 นิ้ว ซึ่งคุณสมบัติเหมือนกันเปี้ยบ ยกเว้นราคา ขนาด และน้ำหนักค่ะ

กล่อง 

หากดูภายนอก กล่องของ Magic Keyboard คล้ายกับกล่องของ Smart Keyboard รุ่นก่อนมาก ต่างตรงที่หนากว่าและหนักกว่าเท่านั้น 

น้ำหนัก 

Magic Keyboard สำหรับ iPad Pro รุ่น 12 นิ้วหนักกว่าตัว iPad เองถึงเท่าตัว เมื่อต่อทั้งสองอย่างเข้าด้วยกันก็จะหนักดังนี้  

  • iPad Pro รุ่น 12 นิ้ว หนัก 643 กรัม + Magic Keyboard หนัก 702 กรัม = 1,345 กรัม 
  • iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว หนัก 473 กรัม + Magic Keyboard หนัก  601 กรัม = 1,074 กรัม 

ซึ่งเมือเทียบกับ MacBook Air ตัวใหม่ล่าสุดที่หนักเพียง 1,290 กรัมแล้ว iPad Pro รุ่น 12 นิ้วกับ Magic Keyboard หนักกว่าเห็น ๆ เลยละ  

บานพับ 

สาเหตุที่ Magic Keyboard หนักก็เป็นเพราะทำจากโพลียูรีเทน (Polyurethane) แบบเดียวกับ Smart Keyboard‌ Folio แต่เพิ่มอะไหล่อย่างบานพับเพื่อพยุงตัว iPad ให้ลอยได้ รวมถึงปรับองศาหน้าจอได้ด้วย ซึ่งบานพับนี่แหละที่ทำให้หนักกว่า

เมื่อเปิด Magic Keyboard ขึ้นมา บานพับที่แข็งแรงและมั่นคงนี้จะตั้งตรงเป็นแนวฉากเป๊ะ ๆ ก่อน จากนั้นถึงจะปรับให้เอียงไปด้านหน้าหรือด้านหลังให้ได้องศาตามต้องการ ซึ่งปรับก้มหรือเงยได้แบบอิสระ ไม่เหมือนกับ Smart Keyboard แบบเดิมที่มีเพียง 2 องศาเท่านั้น   

แต่ข้อเสียคือไม่สามารถปรับให้ iPad และ Magic Keyboard แบบราบไปกับโต๊ะชนิดกางออก 180 องศานะคะ ถ้าอยากได้แนบไปกับโต๊ะอาจจะต้องแกะออกจากกันค่ะ ถ้าอยากใช้ Apple Pencil เขียนอะไรก็จะลำบากนิดหนึ่งค่ะ

แม่เหล็ก  

ส่วนแม่เหล็กก็แข็งแรงจนไม่ต้องเป็นห่วงเลยว่า iPad Pro จะหล่นตอนเคลื่อนย้าย ไม่ต้องคอยระแวงและดูแลมากเป็นพิเศษ 

พอร์ต USB-C 

บานพับที่ลด้านล่างของเคสทำจากอะลูมิเนียม แถมยังมีพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จแบตเพิ่มเข้ามาด้วย ซึ่งชาร์จได้แม้กระทั่งตอนคุณใช้งาน Magic Keyboard อยู่  แต่ถ้าชาร์จแบต iPad ผ่าน USB-C นี้จะชาร์ตได้ช้ากว่าเสียบที่ iPad โดยตรงค่ะ   

แต่ว่าพอร์ต USB-C นี้ใช้ได้เฉพาะชาร์จแบตนะคะ ไม่สามารถใช้รับส่งข้อมูลใด ๆ ได้ คุณยังต้องซื้ออะแดปเตอร์เพิ่มอยู่ดี 

ฟังก์ชั่นอื่น ๆ  

  • มีไฟแบ็กไลต์ แต่ไม่มีปุ่มปรับความสว่าง เพราะมันปรับอัตโนมัติตามแสงสว่างในห้อง  
  • ไม่มีปุ่มปรับลดเสียง  
  • ไม่มีปุ่มควบคุมมีเดียต่าง ๆ  
  • ไม่มีปุ่ม Esc 

Trackpad 

Trackpad คือจุดขายของ Magic Keyboard ตัวนี้ค่ะ ซึ่งถือว่าดีในระดับหนึ่ง คล้ายกับที่ใช้งานบน Mac แม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่ามาก แต่ก็รองรับการคำสั่งได้หลายรูปแบบ เช่น ปัดลงสามนิ้วเพื่อกลับไปยังหน้า Home screen หรือปัดขั้นสามนิ้วเพื่อเข้าสู่หน้าจอแบบทำงานพร้อมกันหลายหน้า (multitasking) แต่ไม่หมดเท่านี้ ยังใช้ได้อีกหลายคำสั่งเลย คล้ายกับ Mac ค่ะ  

Trackpad ตัวนี้เลยทำให้ iPad คล้ายกับโน้ตบุ๊กมากขึ้น แต่ว่า iPadOS ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ดีนะคะ ทำยังไงก็ยังเทียบ MacOS ไม่ได้ค่ะ 

ถ้าถามว่า iPad Pro บวกกับ Magic Keyboard จะแทนโน้ตบุ๊กได้เลยมั้ย ก็คงตอบว่ายังไม่ได้เสียทีเดียวค่ะ เพราะหลายโปรแกรมยังไม่สามารถใช้งานบน iPad ได้ แต่ถ้าคุณต้องการความสะดวกในการใช้งานนอกสถานที่ ใช้งานเพียงบางโปรแกรม เน้นพิมพ์งานเบา ๆ หรือมีคอมพิวเตอร์สำรองอยู่บ้านแล้ว ทั้ง 2 อย่างนี้ก็อาจตอบโจทย์นะคะ  

ดังนั้นแนะนำให้ดูว่าคุณใช้โปรแกรมอะไรเป็นหลักและมันใช้บน iPad ได้ดีแค่ไหน สิ่งนี้จะช่วยบอกได้ว่าคุณควรเลือก iPad Pro และ Magic Keyboard หรือไม่ค่ะ

ที่มา macrumors.com